หน้าฝน ของประเทศไทย ก็อยู่ในช่วงเดือน ระหว่าง กค-กย ของทุกปีนะครับ ปริมาณการตกของฝน ก็ขึ้นอยู่กับ ปีนั้น พระโค กินอะไร (ฮ่าๆ)
หน้าฝน เปรียบเสมือนหน้าโลว์ ซีซั่น ของการท่องเที่ยว (ที่จริงมันก็มาตั้งแต่หน้าร้อนแล้วหล่ะ) เพราะแต่ละคนก็ไม่อยากไปเที่ยวกันอยู่ดีๆ แล้วฝนก็มาตกแหมะๆ จริงมั้ย. แต่นี่แหละเป็นโอกาส สำหรับคนที่อยากมาสัมผัส บรรยากาศที่ปาย แบบไม่แออัด มีความเป็นธรรมชาติ เขียวชอุ่มละลานตา กันอย่างสบายตา สบายใจ สบายปอด เลยหล่ะ.
ซึ่งช่วงที่ผมชอบไปที่สุด ก็ช่วงเดือนกันยานี่แหละก็เพราะ
1.ยังอยู่ในช่วงหน้าโลว์ อยู่ โรงแรมปาย ส่วนใหญ่ลดราคากัน 50-70% กันเลยทีเดียว
2.อยู่ในช่วงที่ผ่านช่วงมรสุมหนักๆ มาแล้ว (แต่ก่อนมาก็เช็คจากกรมอุตุอีกทีเน้อ) เวลาฝนตก ก็มีบ้างประปรายพอให้ลงมาโดนหัวใจให้ชุ่มชื้น (ซะงั้น) ผมชอบนะเวลาขี่มอไซต์ ฝนตกแบบสุยๆ ลงมาโดนหน้า มันสดชื่นจมูกบาน ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก แต่ถ้าตกหนักๆ นี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
3.ที่ปายเงียบ ไม่พลุกพล่าน มีแต่ ฝรั่ง เกาหลี และ ญี่ปุ่น (ว้าว) ที่เค้าชอบมาเที่ยวหน้าฝนกัน ไม่ต้องไปคอยรอคิวร้านอาหารโปรด หรือ หันไปทางใหนก็มีแต่คนๆๆๆ เหมือนไปเที่ยว JJ
แล้วปายหน้าฝน ฝนก็ตก มาทำอะไรหล่ะ…
นั่นสิ ฝนตก ไปใหนก็ไม่สนุก ถ่ายรูปก็ไม่ได้ แบบนี้ landmark ของเมืองปาย ที่ปราถนาละ ทั้ง coffee in love กองแลน สะพานประวัติศาสตร์ ชิงช้าบ้านสันติชล แล้วทำยังไงดีเนี่ย… ก็รอฝนหยุดแล้วค่อยขี่รถออกมาถ่ายนะ ง่ายมั้ย
ผปายช่วงหน้าฝนเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนหนีบรรยากาศ ฝนตก รถติด น้ำท่วม มาเจอกับบรรยากาศ แทน (ไม่ใช่ยังงั้น แหม) ลองหลับตานึกตามนะ เมฆครึ้มๆ ฝนตกแปะๆ ลมพัดโชยเย็นๆ คุณนอนเอกเขนก อยู่หน้าห้องพัก หรือบนเปล กลิ่นไอดิน และไอฝน ลอยประทะจมูก คุณสูดลมหายใจเข้า แล้วมองออกไป เห็นภูเขา ทุ่งนา เขียวขจี ฟังเพลงเบาๆ อ่านหนังสือ ที่คุณซื้อมาแต่ไม่ได้อ่านซักที wow ปายหน้าฝน…
หรือถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการ อะดรีนาลีนฉีดพล่านทั่วร่างกาย
สายน้ำปาย อันเชี่ยวกราด ที่มีแต่ตั้งระดับ 3 ถึงระดับ 5 ไหลรอคุณอยู่เบื้องหน้า รอให้คุณสวมชูชีพ ใส่หมวกกันน๊อค คว้าไม้พาย แล้วกระโดดขึ้นแพยาง เพื่อไปสัมผัสและขึ้นไปอยู่ยอดคลื่นของสายน้ำปายให้ได้ ท้าทายกับแก่งต่างๆ ที่ทยอยเข้ามาปะทะเพื่อให้คุณได้สนุกตื่นเต้น…
ปายหน้าฝน… มามั้ย